วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ลุงสด น้อยถึง ช่างปั้นพระสุโขทัย

        ใครๆ เขาก็ว่า พระแบบสุโขทัยนั้นงามนัก และยกย่องกันว่า หน้าพระที่งามที่สุดของศิลปะสุโขทัยองค์หนึ่ง ก็คือ พระปางลีลา ที่วัดมหาธาตุ เชลียง จังหวัดสุโขทัย นั่นเอง จึงดึงดูดผู้คนให้ไปเยี่ยมชมวัดมหาธาตุเชลียงกันอยู่เสมอ และจะต้องจำสะพานเชือกข้ามแม่น้ำกันได้เป็นอย่างดี


พระลีลา วัดมหาธาตุ เชลียง ได้ชื่อว่าเป็นพระปูนปั้นที่งดงามที่สุดองค์หนึ่ง


ไม่ไกลจากสะพานเชือกสักเท่าไหร่ ใต้ร่มไม้ อาจจะเคยมีคนสังเกตเห็น ว่ามีพระพุทธรูปแบบศิลปะสุโขทัย วางเรียงกันอยู่  บางครั้งก็จะเห็นลุงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ด้วย

ใช่แล้วค่ะ คุณลุงคนนี้เองที่เป็นช่างปั้นพระ ที่จำลองจิตวิญญาณแบบศิลปะสุโขทัยออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ-ลุงสด น้อยถึง


ลุงสด น้อยถึง 


ลุงสด เป็นชาวสุโขทัยโดยกำเนิด อยู่มาจนกระทั่งอายุขนาดนี้ ผ่านการบวชเรียนมาแบบหนุ่มไทยแท้ สมัยก่อนนั้น สุโขทัยก็ยังเป็นเมืองชนบทที่ร่มรื่น

         “ครั้งยังบวชอยู่ ปั้นกับอาจารย์ ๆ ก็ไม่เป็นหรอก หัดกันเอง อาศัยดูพระในโบสถ์ ที่วัดตระพังทองที่ผมบวชอยู่”

         “ทีแรกคนแก่เป็นชาวพม่า มาพักอยู่ที่วัด ให้ตะแกปั้น ถามว่าแกปั้นพระเป็นไหม แกก็ว่าเป็น ก็ปั้นพระให้สักองค์เถอะ กินอยู่ที่วัดนี่แหละ จะให้ความสะดวกทุกอย่าง แต่แล้วปั้นไม่ได้เรื่องได้ราว ก็เลยเอากันเอง มันไม่มีใคร สมัยนั้น ปีพ.ศ. 2486-7 คนยังไม่เยอะ ยังไม่เจริญ ตัวเมืองเก่าก็รกๆ ยังไม่บูรณะ”

         ปั้นองค์แรกเป็นอย่างไรบ้าง

        ลุงสดว่าพอดูได้ ซึ่งพระประธานที่ช่วยกันปั้นกับพระอาจารย์ก็ยังอยู่จนทุกวันนี้ วัสดุที่ใช้ก็เป็นปูนซีเมนต์ตราช้าง แกว่า สมัยนั้นดูเหมือนจะราคากระสอบละหกสลึง

         ลุงสดบวชอยู่ 3 พรรษา ก็สึกออกมาทำนาเหมือนเดิม จนกระทั่งกรมศิลปากรเริ่มมาบูรณะโบราณสถาน และมาเห็นฝีมือปั้นพระของพระอาจารย์ และลุงสดตามวัดต่างๆ ก็เลยมาขอให้ช่วยงานซ่อมบูรณะ


“ผมไปช่วยอาจารย์(ปลัดบุญธรรม) ปั้นบ้าง เล็กๆ น้อยๆ ท่านอยู่นาน เก่ง ที่ปั้นแล้ว ไม่ได้ลงสี ปิดทอง ปล่อยไว้อย่างนั้น ส่วนที่ผมมาปั้นเดี๋ยวนี้ ทำงานร่วมกับคุณสุจิต ที่เป็นหัวหน้าหน่วยเชียงใหม่ ตอนนี้เกษียณแล้ว ทำเป็นสี ทาสีเป็นสีสำริด เป็นสีฝุ่นผสมหลายอย่าง ผสมแอลกอฮอล์ แล้วขัดเงา”


บริเวณที่ลุงสดใช้ทำงานปั้นพระ ผลงานของลุงสด มีทั้งพระนั่ง พระนอน พระยืน ที่คงลักษณะความงามแบบศิลปะสุโขทัยไว้ทุกองค์


        “ผมมาอยู่นี้(เชลียง) เมื่อ ปี 2499 ที่ปั้นก็ที่ เจดีย์เจ็ดแถว…ช้างล้อม…นางพญา…หลายวัดครับ พระไม่ค่อยมี เป็นเจดีย์  ซ่อมองค์พระก็ที่นี่ ส่วนอัฏฐารส เศียรไม่มีแล้ว มีแต่ตัว ทีแรกเอาช่างกรุงเทพมาซ่อม ๆ แล้ว แลดูหน้าคล้ายๆ คนปั้น เหมือนจะร้องไห้ หัวหน้าหน่วยเลยให้ผมทำใหม่ ทุบเลย ติดเม็ดพระศกยังติดไม่เป็นเลย”

        “ที่เขาพนมเพลิงด้วย ตอนนั้นเละเลย ขาอยู่คนละข้าง ท่านอธิบดี ธนิต อยู่โพธิ์ ให้ผมซ่อมประกอบเป็นองค์ ทีแรกจะสร้างให้สมบูรณ์เลย พอทำไป หัวหน้าหน่วยบอก เอาแค่นี่ล่ะ”

        เรื่องการซ่อมพระพุทธรูปโบราณ ที่ถกเถียงกันมาตลอด ฝายหนึ่งก็อยากให้ซ่อมเต็มองค์สมบูรณ์ อีกฝ่ายก็บอกว่า ซ่อมเท่าที่จำเป็นจะดีกว่า


เครื่องมือช่างของลุงสด


        ผู้เขียนถามลุงสด-คนที่ต้องลงมือซ่อมคนนี้-ว่าคิดอย่างไร

        “ความเห็นของผม ผมอยากให้เสร็จสมบูรณ์ แต่ทางศิลปากรอนุรักษ์ของเก่า อีกอย่างกลัวจะแปรสภาพของเขา”

        ตามหลักการอนุรักษ์โบราณวัตถุโบราณสถาน จะต้องทำให้เห็นว่า ส่วนใดเป็นของมีมาแต่เดิม ส่วนใดเป็นของทำขึ้นใหม่ เพื่อเก็บเป็นหลักฐานว่า ฝีมือโบราณจริงๆ นั้นมีลักษณะอย่างไร

        “องค์ลีลาองค์นั้น (พระลีลาปูนปั้น ในวัดมหาธาตุ เชลียง) ท่านเจ้าคุณจะให้ผมซ่อม ผมก็บอกว่า จะให้ผมซ่อม ผมซ่อมให้ แต่ท่านต้องขออนุญาตกรมศิลปากรเสียก่อน ถ้ากรมศิลปากรอนุญาต ผมจะทำ ท่านเจ้าคุณก็ทำหนังสือขออนุญาตไปยังกรมศิลปากร ๆ ก็ตอบมาว่า ยังมีส่วนดีอยู่มาก ยังไม่ควรซ่อม แต่ถ้าจะซ่อมก็ต้องให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรมาตรวจเสียก่อน ในที่สุดก็ไม่ได้ซ่อม”

        เป็นไงคะ ความคิดของช่างพื้นบ้านคนหนึ่ง ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมคะ คิดแบบนี้ แม้แต่คนมีการศึกษาในเมืองบางคนก็ยังคิดไม่เป็นเลย ลุงสดบอกว่า ทำงานกับกรมศิลปากรก็เลยเรียนรู้วิธีการอนุรักษ์ของเก่าของโบราณมาด้วย

        ผู้เขียนขอให้ลุงสดเล่าบรรยากาศเก่าๆ ในยุคที่สุโขทัยยังไม่ได้รับการบูรณะ กับช่วงระยะแรกที่ลุงสดได้เข้ามาเป็นช่างซ่อมอนุรักษ์ให้เราฟัง

        “พวกลายปูน ตอนที่เจอใหม่ๆ ยังไม่ซ่อม ก็สกปรก ดินมันทับถม รื้อออกเป็นหลายวัน พระนี้เศียรไม่มี กร บาทไม่มีเลย หัก องค์พระยังอยู่ติดกับผนัง ศิลาแลงแลบออกมาจากผนัง แล้วพอกปูน ซ่อมเมื่อปี 2503

        “ตอนที่หัดปั้น พระก็ยังเหลือเยอะ เมื่อผมบวชอยู่ มีพระยืน มีเป็นส่วนมาก เขาเอาไว้ในมณฑป ยังสมบูรณ์อยู่ เป็นพระสำริด ในระยะที่ผมบวชอยู่ ยังไม่มีขโมยพระ มาฮิตเอาตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (2484)”

        “เวลาซ่อม ซ่อมคนเดียวไม่มีลูกมือ วิ่งขึ้นวิ่งลง เราอยู่บนนั้น ดูไม่รู้เรื่อง เพราะมันโตเต็มไปหมด นั่งดูใกล้ๆ ไม่รู้เรื่อง ซ่อมลำบากเหลือเกิน ขนาดเดาเอาเอง  อย่าให้ใหญ่กว่าเอว พระที่อยู่สูง เศียรต้องใหญ่กว่าธรรมดา จมูกต้องใหญ่กว่าปกติ เพราะถ้าทำธรรมดา มันจะไม่พอดี ทำอยู่ 2 เดือนนะ ทีแรกทำคนเดียว ทีหลังมีหลานชายมาช่วย"

        ลุงสุดอธิบายถึงหลักการทำประติมากรรมขนาดใหญ่ในที่กลางแจ้งจากประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งตรงกับทฤษฎีที่ผู้เขียนได้เรียนมาจากห้องเลคเชอร์ ว่า สัดส่วนในการสร้างประติมากรรมขนาดใหญ่ จะต้องทำให้ส่วนศีรษะ มีขนาดใหญ่กว่าปกติ เพราะเมื่ออยู่สูง จะดูมีขนาดเล็กกว่าความเป็นจริง ศัพท์ช่างเขาว่า “อากาศกิน”

        “ผมกับเศียรพระดูเหมือนพอๆ กัน องค์นั้นผมยืนตรงบ่าท่าน แล้วมือเอื้อม เราอยู่ข้างล่างแลดูไม่โตเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วใหญ่มาก”


พระยืนขนาดใหญ่ ที่เรียกกันว่า พระอัฏฐารส


        ลุงบรรยากาศจนเห็นภาพ เพราะพระใหญ่ เราดูอยู่ด้านล่าง ไม่ค่อยรู้สึกว่าใหญ่โตเท่าไหร่ ต้องเข้าไปใกล้จริงๆ อย่างลุงสดที่ต้องปีนขึ้นไปซ่อมบูรณะ จึงจะรู้สึกถึงความใหญ่โตที่แท้จริง

        คิดดูเอาเถิด คนโบราณเขาใช้ศรัทธามากขนาดไหน จึงจะสร้างพระใหญ่ๆ โตๆ ที่ดูงดงามมาถึงรุ่นเราได้ขนาดนี้

        “ทีแรกผมคิดว่า พระองค์นี้ (พระอัฏฐารส) สูง 3 วา แต่เป็น 4 วา (หัวเราะ) หลังคาเป็นมุงกระเบื้อง ในระยะที่ผมขึ้นไปซ่อมยังเป็นเศษกระเบื้อง มีไม้วางเป็นพาน เจาะ ไว้ฝังเดือยลงไป ผมเข้าใจว่าต้องเป็นทรงโบราณ”

        “เมื่อครั้งที่ผมซ่อมองค์นี้เสร็จแล้ว กรมศิลปากรจะให้ผมเหมาหมด ผมไม่เอา ไม่กล้าสู้ ถ้าพลาดไปแล้วแย่เลย”

แม้ลุงสดจะไม่มีดีกรีศิลปศาสตร์บัณฑิต แต่ด้วยจิตใจแห่งความเป็นช่าง และองค์ความรู้ที่มีอยู่จากความชำนาญ ลุงสดยังสามารถบอกได้ถึงลักษณะทางศิลปกรรมที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัย 



พระในวัดสองพี่น้อง 


“ที่วัดสองพี่น้อง เศียรตกลงมา ผมสังเกตดูนะ มันเป็นคนละรุ่น คนละยุค ช่างคนละคน องค์ใหญ่สร้างก่อน ส่วนของข้างใต้มีจริงๆ คนมาล้วงเอาไป เมื่อคราวบูรณะวัดเจ้าจันทร์ พระประธานล้มลงมา ปูนแตก มีพระ 2-3 องค์ ดูเหมือนทางการเขาเอาไป”

         ลุงสดอายุไม่น้อยแล้วในเวลาที่ผู้เขียนได้สัมภาษณ์ เวลานั้นก็อายุ 75 ปี ด้วยอายุขนาดนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะพักผ่อน ทำงานเบาๆ กันแล้ว สำหรับลุงสดก็มีลูกหลานครอบครัวที่ประกอบอาชีพอื่นอยู่ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็ถือว่า ทำเพื่อพระศาสนา แต่ใจแล้ว แกเองก็อยากหาคนมาสืบสานงานนี้ต่อเหมือนกัน

        “เด็กมันไม่ชอบครับ มันไปเรียนหนังสือ ใจไม่เย็นพอ งานปั้นนั้นมันต้องเป็นคนใจอยู่ ใจเย็นจริงๆ มันไม่สนุกครับ เด็กๆ ไม่ชอบ มีคนมาขอเรียนเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้เหมือนผม ก็ทำได้  คนที่พอจะทำได้ใกล้เคียงผม มันก็ตายเสีย มันมองดูงานออก รู้หลักไปได้แล้ว เนื่องจากกินเหล้ามาก เวลาไม่กินก็ดี ทำงานดี พอเมาแล้ว ก็ชักเหลวไหล”

        น่าเสียดายมากที่ช่างฝีมือดีกลับต้องมาเสียเพราะเหล้า เวลานั้นลุงสดก็พอมีลูกมือมาช่วยงานอยู่บ้าง แต่จะหาคนไหนที่ฝีมือดี ใจเย็นอยู่กับงาน และอดทนจริงๆ นั่นยังหาไม่ได้ ทุกวันนี้ แรงก็ลดน้อยถอยลง เวลาจะยกย้ายวัสดุหรือพระองค์หนึ่งๆ ก็ลำบาก แต่แกก็ยังคงทำต่อไปเรื่อยๆ

        ช่างชาวสุโขทัยนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถถอดจิตวิญญาณของงานศิลปะสุโขทัยในอดีตได้อย่างน่าทึ่ง


พระพุทธรูป งานของลุงสด ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของศิลปะสุโขทัยได้อย่างน่าทึ่ง

        ไม่เพียงแต่ช่างปั้นพระอย่างลุงสุด แม้แต่ช่างปั้นสังคโลก หรือช่างแกะตัวปัจจัยไม้ ที่ผู้เขียนได้เคยสัมผัสมา ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่เคยเรียนศิลปะ หรือมีการศึกษาสูง ไม่เคยฝึกฝนฝีมือในสถาบันมีชื่อใดๆ เพียงแต่อาศัยการดูงานเก่า การเห็นช่างรุ่นก่อนๆ ทำงาน ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์แห่งสุนทรียะของศิลปะสุโขทัยได้อย่างลึกซึ้ง

        ด้วยความแปลกใจที่ฟังมาแล้ว ลุงสดไม่ได้เรียนวิชาช่างจากสถาบันไหน แต่กลับถอดเค้าหน้า และโครงเส้นของพระพุทธรูปสุโขทัยออกมาได้อย่างมีความรู้สึก เรียกว่า ถอดมาได้ทั้งสไตล์และฟิลลิ่ง

        เอ้! ลุงอาจจะมีเคล็ดลับ หรือใช้วัสดุพิเศษก็ได้?

        “ใช้ปูนซีเมนต์ครับ” ลุงสดบอก


เครื่องมือบางชนิดที่ลุงสดใช้ทำงานปั้นพระ


แหม เราก็นึกว่า เป็นปูนสดแบบสุโขทัยหรือเปล่า (แบบช่างเมืองเพชร) วัสดุธรรมดามาก

แล้วลุงสดยังสาธยายวิธีทำให้ฟังเสียอีก

        “ทีแรกใช้ปูนหยาบแบบนี้ พอได้ที่ก็ทำหน้า ค่อยๆ พอก ทีละชั้น  เปลว(รัศมี)เราก็แกะมาต่อ แต่ทว่า มันโตกว่านี้ก็ปั้นเลย  เม็ด(พระศก) ก็ทำบล็อค เพราะถ้าไม่ทำแล้ว ไม่เท่ากัน  ติดไม่สวย ปูน-ทราย 5 ต่อ 3 ก็ยังอ่อนไป ต้องแก่ปูนมากๆ  เราทำเป็นกรวยหล่อไว้ พอเย็นๆ อย่างนี้ พอแจ้งเช้าขึ้นมาก็มาแกะ ทิ้งไว้หลายวันแกะไม่เข้า”


บล็อกสำหรับทำเม็ดพระศกของลุงสด


        ลุงสดอธิบายด้วยคำธรรมดาๆ แต่แสดงให้เห็นว่า ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจลักษณะของวัสดุ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ปูนซีเมนต์และทรายธรรมดา (ธรรมดามากในจินตนาการของเรา) ไม่ว่าจะเป็นปริมาณของส่วนผสม ระยะเวลาที่จะต้องทิ้งงานให้เซ็ทตัว

        นอกจากวิธีการทำ และวัสดุแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องรูปธรรมทั่วไปที่เรามองเห็นได้ ผู้เขียนก็อยากรู้ว่า ในวิถีของชาวไทยชนบท และผ่านการบวชเรียนมาแล้ว งานฝีมือแบบนี้ (ที่ต้องเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ) ลุงสดมีพิธีกรรมอะไรบ้างหรือไม่

        “ถึงปีก็ไหว้ครูครับ ถ้าเป็นพระประธานก่อนลงมือปั้นก็ต้องทำพิธี พระองค์เล็กๆ ไม่จำเป็น”


เม็ดพระศกและเปลงรัศมี ฝีมือลุงสด

        พระองค์หนึ่งๆ ใช้เวลาไม่เท่ากันแล้วแต่ว่าองค์เล็กองค์ใหญ่ ลุงสดก็ทำงานไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่เช้า ตื่นมาทำธุระ กินอาหารเช้าเสร็จ ก็เดินมาที่วัด เพราะบ้านลุงก็อยู่ไม่ไกล แล้วก็ลงมือทำงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงหมดวัน ก็จะกลับบ้านพักผ่อน


ลุงสดขณะกำลังทำงาน


        “รายได้บางทีก็ขาดตอน ตอนที่ว่า เราปั้นเสร็จแล้ว เขาไม่มาเอา  บางทีงานล้นมือ (ช่วงปี 2523-25) ผมไปออกรายการโทรทัศน์ พอกลับมา คนรู้ มาว่ากัน คนที่ว่าอยู่ก่อนแล้ว ก็ว่าต่ออีก กลัวจะขึ้นราคา กลัวจะแพง จริงๆ ก็ไม่ได้ขึ้น”
       
        ชื่อเสียงของลุงสดเป็นที่เลื่องลือ แต่ก็ทำงานในเฉพาะเมืองสุโขทัยเท่านั้น ลุงเล่าว่า ครั้งหนึ่งจะให้ไปถึงวัดพระเจ้าตนหลวง จ.พะเยา แต่แกเรียกค่าตัวแพง เขาไม่สู้ ก็เลยไม่ได้ไป

         ลุงสด เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เมษายน ปีพ.ศ. 2542

----------

หมายเหตุ

ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณสถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

8 ความคิดเห็น:

  1. พูดตรงๆ นะคะ ฝีมือลุงไม่มีทางเทียบของโบราณหรอก แต่ช่างสุโขทัยยุคนี้ก็ไม่มีใครเทียบฝีมือลุงเหมือนกัน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความประณีตอาจไม่เทียบเท่าช่างโบราณ แต่ฟิลลิ่งงานได้อารมณ์ศิลปะสุโขทัยมากเลยค่ะ ทั้งลุงก็ไม่ได้เรียนมาเลย

      ลบ
  2. เสียดายที่เกิดไม่ทันลุง

    ตอบลบ
  3. ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบปั้นพระมาตั้งแต่เด็กๆเป็นเองตั้งแต่เด็กไม่เคยเรียนในสถานศึกษาใดๆและก็เป็นคนศรีสัชนาลัยนี่แหละครับเรียนรู้จากการไปสำรวจตามเมืองเก่าปีๆนึงไปบ่อยมากถ่ายรูปเก็บข้อมูลทุกครั้งเคยไปถามคนในพื้นที่ว่าในศรีสัชฯยังมีช่างปั้นพระหรือหล่อพระแบบโบราณมั้ยเขาก็บอกเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วถ้ามีก็อาจจะมีในตัวจังหวัดสุโขทัยนู้น สรุปก็ทำได้แค่ศึกษาตามที่เราจะศึกษาได้เพื่อสนองอุดมการณ์ของตัวเอง ผมจึงเสียดายที่มาอ่านกระทู้นี้ ถ้าลุงยังอยู่ผมคงได้ความรู้ได้ประโยชน์จากแกไม่น้อยเลยล่ะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถึงไม่พบตัว แต่ได้ดูผลงาน ก็ถือว่าได้รับความรู้แล้วล่ะค่ะ 🙂

      ลบ